ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของนางสาววรัญญา ศรีดาวฤกษ์.

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 16
วันพุธ ที่ 19 เมษายน 2560
เนื้อหาการเรียนการสอน
เขียนแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)
อาจารย์ได้นำตัวอย่างแผน IEP มาให้นักศึกษาดูแล้วให้นักศึกษาได้ลองเขียนแผน
*ตัวอย่าง*



         จากนั้นอาจารย์ก็ได้นำตัวอย่างผังกราฟฟิคแต่ละรูปแบบ แต่ละหน่วยการสอนที่แตกต่างกันออกไปมาให้นักศึกษาดู เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำผังกราฟฟิคที่ถูกต้องต่อไป

ตัวอย่างผังกราฟฟิค





การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
          ได้รับความรู้เรื่องการเขียนแผน IEP หรือแผนเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นแผนการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กพิเศษ ได้รู้ถึงรูปแบบการเขียนที่ถูกต้องรวมไปถึงการคำนึงถึงพัฒนาการของเด็กพิเศษที่ต้องดีขึ้นตามลำดับ ทำให้สามารถนำไปใช้เขียนแผนเฉพาะบุคคลในอนาคตต่อไปได้
ประเมินผล
ประเมินตนเอง เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟัง ไม่รบกวนเพื่อน
ประเมินเพื่อน  เพื่อนๆ ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานที่ได้รับ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีผังกราฟฟิคมาให้ดูหลายรูปแบบ

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 15
วันพุธ ที่ 12 เมษายน 2560

*ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลสงกรานต์*


วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 14
วันพุธ ที่ 5 เมษายน 2560

*ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอาจารย์ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร*

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 13
วันพุธ ที่ 29 มีนาคม 2560
เนื้อหาการเรียนการสอน
1. กิจกรรมมือของฉัน
          อาจารย์ให้นักศึกษาวาดภาพมือของตนเอง โดยให้คว่ำมือไว้และห้ามดูว่าลายมือของตนเองเป็นอย่างไร ให้เหมือนและเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด แล้วจะให้เพื่อนๆทายว่าใครเป็นเจ้าของมือนี้
       **จุดประสงค์ในการทำกิจกรรมครั้งนี้ คือ เมื่อเห็นพฤติกรรมเด็กต้องเขียนบันทึกไว้ทันที เพราะขนาดมือที่อยู่กับเรามาทั้งชีวิต บางคนยังจำรายละเอียดไม่ได้เลย**

2. กิจกรรมวงกลมหลากสี
          อาจารย์ให้นักศึกษาระบายสีเป็นวงกลมหลากสี วงเล็กหรือวงใหญ่ก็ได้ และบ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง ว่าจริงๆแล้วลึกๆ เราเป็นอย่างไร กิจกรรมนี้สามารถนำไปใช้วัดอารมณ์ และพฤติกรรมเด็กพิเศษได้
เนื้อหาการเรียนการสอน 
โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล
แผน IEP
     - แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
     - เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
     - ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
     - โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
การเขียนแผน IEP
     - คัดแยกเด็กพิเศษ
     - ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
     - ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
     - เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
     - แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP
IEP ประกอบด้วย
     - ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
     - ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
     - การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
     - เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
     - ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
     - วิธีการประเมินผล
ประโยชน์ต่อเด็ก
     - ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
     - ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
     - ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
     - ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
     - เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
     - เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
     - ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
     - เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
     - ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
     - รายงานทางการแพทย์
     - รายงานการประเมินด้านต่างๆ
     - บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
     - ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
     - กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
     - กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
     - จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
ระยะยาว
ระยะกำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
     - น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
     - น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
     - น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้ะยาว
ระยะสั้น
     - ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
     - เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
     - จะสอนใคร
     - พฤติกรรมอะไร
     - เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
     - พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน





3. การใช้แผน
     - เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
     - นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
     - แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
     - จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
     - ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
     - ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
     - ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
     - อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4. การประเมินผล
     - โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
     - ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้
           ได้ความรู้ในเรื่องการใช้ศิลปะเพื่อบำบัด หรือใช้วัดพฤติกรรม อารมณ์ หรือความรู้สึกเด็กพิเศษ รวมไปถึงหลักการทำแผน IEP ที่ถูกต้อง และสามารถนำไปเขียนเพื่อใช้สอนเด็กพิเศษในอนาคตได้ 

ประเมินผล
ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียน แต่งกายถูกระเบียบ ไม่รบกวนเพื่อน
ประเมินเพื่อน   เพื่อนๆตั้งใจเรียนไม่พูดคุยเสียงดังขณะที่อาจารย์สอน 
ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสอน และเป็นกันเอง

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
วันพุธ ที่ 22 มีนาคม 2560

การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
     - เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
     - ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 
     - เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
     - เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด เกิดผลดีในระยะยาว
     - เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
     - แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล  (Individualized Education Program; IEP)
     - โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
     - การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
     - การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
     - การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
 3. การบำบัดทางเลือก
     - การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
     - ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
     - ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
     - การฝังเข็ม (Acupuncture)
     - การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
การสื่อความหมายทดแทน  (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
     - การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
     - โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
     - เครื่องโอภา (Communication Devices)
     - โปรแกรมปราศรัย

Picture Exchange Communication System (PECS)







บทบาทของครู
     - ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
     - ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
     - จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
     - ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
1. ทักษะทางสังคม
     - เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
     - การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
กิจกรรมการเล่น
     - การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
     - เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
     - ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
ยุทธศาสตร์การสอน
     - เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
     - ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
     - จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
     - ครูจดบันทึก
     - ทำแผน IEP
การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
     - วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
     - คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
     - ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
     - เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน ครู” ให้เด็กพิเศษ
ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น?
     - อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
     - ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
     - ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
     - เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
     - ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม

การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
     - ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
     - ทำโดย การพูดนำของครู
ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
     - ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
     - การให้โอกาสเด็ก
     - เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
     - ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
2. ทักษะภาษา
การวัดความสามารถทางภาษา
     - เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
     - ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
     - ถามหาสิ่งต่างๆไหม
     - บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
     - ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
     - การพูดตกหล่น
     - การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
     - ติดอ่าง
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
     - ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
     - ห้ามบอกเด็กว่า  พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด
     - อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
     - อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
     - ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
     - เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
ทักษะพื้นฐานทางภาษา
     - ทักษะการรับรู้ภาษา
     - การแสดงออกทางภาษา
     - การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา
พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก
ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
     - การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
     - ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
     - ให้เวลาเด็กได้พูด
     - คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
     - เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
     - เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
     - ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
     - กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
     - เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
     - ใช้คำถามปลายเปิด
     - เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
     - ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์ (Incidental Teaching)

3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
     - เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
     - การกินอยู่
     - การเข้าห้องน้ำ
     - การเเต่งตัว
     - กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน

การสร้างความอิสระ

     - เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
     - อยากทำงานตามความสามารถ
     - เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่
ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
     - การได้ทำด้วยตนเอง
     - เชื่อมั่นในตนเอง
     - เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
หัดให้เด็กทำเอง
     - ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
     - ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
     - ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
      - “ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ 
จะช่วยเมื่อไหร่ ?
     - เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร หงุดหงิด เบื่อ ไม่ค่อยสบาย
     - หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
     - เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
     - มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)

ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
     1.แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
     2.เรียงลำดับตามขั้นตอน
การเข้าส้วม
     - เข้าไปในห้องส้วม
     - ดึงกางเกงลงมา
     - ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
     - ปัสสาวะหรืออุจจาระ
     - ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
     - ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
     - กดชักโครกหรือตักน้ำราด
     - ดึงกางเกงขึ้น
     - ล้างมือ
     - เช็ดมือ
     - เดินออกจากห้องส้วม


สรุป
     - ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
     - ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
     - ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
     - ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
     - เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ

4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
เป้าหมาย
     - การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
     - มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
     - เด็กรู้สึกว่า ฉันทำได้
     - พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
     - อยากสำรวจ อยากทดลอง
ช่วงความสนใจ
     - ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
     - จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร
การเลียนแบบ
การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
     - เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
     - เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
     - คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
การรับรู้ การเคลื่อนไหว
ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น -------> ตอบสนองอย่างเหมาะสม
การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก

**กรรไกรที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุดคือหมายเลข1
     - การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
     - ต่อบล็อก
     - ศิลปะ
     - มุมบ้าน
     - ช่วยเหลือตนเอง

ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
     - ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
     - รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก
ความจำ
     - จากการสนทนา
     - เมื่อเช้าหนูทานอะไร
     - แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
     - จำตัวละครในนิทาน
     - จำชื่อครู เพื่อน
     - เล่นเกมทายของที่หายไป
การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
     - จัดกลุ่มเด็ก
     - เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
     - ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
     - ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
     - ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
     - บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
     - รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
     - มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
     - เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
     - พูดในทางที่ดี
     - จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
     - ทำบทเรียนให้สนุก
ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้
           ได้ความรู้เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กพิเศษที่ถูกต้อง รวมไปถึงบทบาทหน้าที่ของคนเป็นครูว่าควรทำอย่างไร มากไปกว่านั้นอาจารย์ยังบอกเทคนิคและวิธีการต่างๆ ที่ทำให้เด็กพิเศษและเด็กปกติอยู่ด้วยกันอย่างปกติได้ ได้รู้ถึงวิธีการดูแลเด็กพิเศษในรูปแบบต่างๆ อย่างละเอียดอีกด้วย

ประเมินผล
ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟัง ไม่รบกวนเพื่อน
ประเมินเพื่อน  เพื่อนๆ ตั้งใจเรียนไม่คุยกันเสียงดัง
ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี