ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของนางสาววรัญญา ศรีดาวฤกษ์.

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3
วันพุธ ที่ 25 มกราคม 2560

เนื้อหาการเรียนการสอน 
 ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
-          เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
-          ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน"  กวาด ฟาด
-          เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
-          เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง “แล้ว” เป็น “แล่ว”
ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
-          พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
-          การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
-          อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
-          จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
-          เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
-          ความบกพร่องของระดับเสียง
-          เสียงดังหรือค่อยเกินไป
-          คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา 
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)  
-          มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
-          มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
-          ไม่สามารถสร้างประโยคได้
-          มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
-          ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วนๆ
-          ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า Dysphasia หรือ aphasia
-          อ่านไม่ออก (alexia)
-          เขียนไม่ได้ (agraphia )
-          สะกดคำไม่ได้
-          ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
-          จำคำหรือประโยคไม่ได้
-          ไม่เข้าใจคำสั่ง
-          พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann’s syndrome
-          ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
-          ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
-          คำนวณไม่ได้ (acalculia)
-          เขียนไม่ได้ (agraphia)
-          อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
-          ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆ และอ่อนแรง
-          ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
-          ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
-          หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
-          ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
-          หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
-          มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
-          ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments)
-          เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
-          อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
-          เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
-          มีปัญหาทางระบบประสาท
-          มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
-          เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
-          มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
-          อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
-          มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
-          เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
-          เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
-          เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ Partial Complex
-          มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
-          เหม่อนิ่ง 
-          เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
-          หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
           เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
           เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
-          จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
-          ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
-          หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
-          ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
-          จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
-          ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
-          ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี. (Cerebral Palsy)
-          การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
-          การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
-          spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
-          spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
-          spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
-          spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง (athetoid , ataxia)
-          athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
-          ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
-          กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
-          เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
-          เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
-          จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
-          ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
-          ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
-          กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
-          มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
-          ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
-          โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
-          โรคระบบทางเดินหายใจ
-          โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
-          โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)
-          โรคมะเร็ง (Cancer)
-          เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
-          ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-          มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
-          ท่าเดินคล้ายกรรไกร
-          เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
-          ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
-          มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
-          หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
-          หกล้มบ่อย ๆ
-          หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ
คลิปสร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังท้อ

ความรู้ที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้
          ได้รับความรู้เกี่ยวกับประเภทของเด็กพิเศษ รวมไปถึงได้รับความรู้เกี่ยวกับอาการของเด็กพิเศษประเภทต่างๆ ทำให้เราได้เรียนรู้และสามารถรับมือกับเด็กพิเศษได้ หากเราต้องเจอในอนาคต อาจารย์ก็ได้แนะนำได้อย่างเห็นภาพและเข้าใจง่าย ทำให้เราได้รับความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย

การประเมิน
ประเมินตนเอง 
          เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน แต่งกายเรียบร้อย
ประเมินเพื่อน 
          เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา ไม่พูดคุยกันระหว่างเรียน แต่งกายเรียบร้อย
ประเมินอาจารย์ 
          อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น